นานๆจะได้มีโอกาสเข้าร่วมงานปั่นจักรยานกับเค้าสักที
ต้องเรียกว่าโชคดีที่ หนำได้มีโอกาส มาเข้าร่วมงาน่ปั่นนี้ประมาณว่า ถ้าพลาดคงแอบเสียดาย
พูดถึงเรื่องการจัดงาน โดยรวม ประกาศก่อนล่วงหน้าประมาณ เกือบสองเดือน รับสมัครผ่านทางหน้าเวป และ ประกาศผ่านสื่อ facebook ซึ่งการประชาสัมพันธ์อาจจะดูเงียบๆไม่หวือหวามากนัก เลยอาจจะทำให้ คนส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่คนพื้นที่ ไม่ค่อยทราบข่าวเท่าที่ควร
ใครจะแข่งต้องรีบหน่อยี่ค่ะพราะไม่มีรับสมัครหน้างานประมาณว่าต้องมีการวางแผนเดินทางกันล่วงหน้า ถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่หรือจังหวัดใกล้เคียง วันสุดท้ายสำหรับใครที่ไม่อยากสมัครออนไลน์ คือ วันเสาร์ พร้อมกับใครที่สมัครล่วงหน้า ให้มารับเบอร์พร้อมทราบเวลาในการออกตัว
เมื่อถึงวันเสาร์ รับลงทะเบียนคนสมัครใหม่และรับเบอร์สำหรับคนที่สมัครมาอยู่แล้ว ตลอดทางมีฝนโปรยปรายตลอดทั้งวันเลยอาจจะทำให้ การเดินทางมาขลุกขลักเล็กน้อย บรรยากาศ หน้างาน ดูเรียบง่ายเป็นกันเอง นักแข่งและผู้จัดพูดคุยเป็นกันเอง ดูน่ารักไปอีกแบบ
เช้าวันแข่งเจอกัน ตามเวลาของตัวเอง ใครปล่อยก่อนมาก่อนใครปล่อยหลังจะวอร์มก่อนหรือตื่นสายอีกหน่อยได้ตามถนัด
หนำได้ปล่อยตัวอยู่ประมาณ 7:13am. แต่ด้วยความที่เป็นคนตื่นเช้าเก่งมากเลยทำให้ไปสายตามระเบียบ สายไป 2นาที เลยได้ เบอร์ใหม่เวลาใหม่ ประมาณว่าเปลี่ยนเสียบกันสดๆเลย วอร์มก้อไม่ต้องละลุยเลย ไม่มีเวลาแล้ว...
เมื่อมีสัญญานปล่อยตัว หนำก้อปั่น ช่วงแรกของการขึ้นจะชันกว่าช่วงกลางเล็กน้อย คนกรุงเทพอย่างเรา เรื่องขึ้นเขาน่ะหรือ หายห่วง... ประมาณว่าถ้าไม่ขึ้นมาซ้อมเอาแรงไว้ก่อน วันนี้แอบมีงง หนืดจริง ว่าแล้วให้อยากเป็นชาวดอยกันซะเดี๋ยวนั้นเลย^_^
เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปปั่น หนำลุยแหลกมาตั้งแต่วันศุกร์ เสาร์ กว่าจะถึงวันแข่ง ขาแอบออกอาการล้าเล็กน้อย ตั้งแต่เริ่มขึ้น คิดในใจ ว่าวันนี้มีมันส์แน่ๆเลยเรา แล้วก้อจริงดังคาด อาการล้าทำให้หน้าขาไม่มีแรงกดมากพอ เลยต้องอยู่เกียร์เบาสุดเป็นส่วนใหญ่ ทั้งบีบทั้งเค้น ทั้งปลอบ ทั้งผลักดัน ตัวเองสารพัด ให้ไปต่อให้ถึงเส้นชัย กว่าจะผ่านไปแต่ละโล ช่างทรมานบันเทิงจริงๆ แต่โชคดีแค่ 14.88โล ท่องไว้ตลอด เลยเอาตัวเองขึ้นมาถึงเส้นชัยได้ในที่สุด เย้!!@#$@
ว่าไปนู้น มาดูเรื่องของงานกันต่อ... ตลอดเส้นทาง มีรถขี้นลงไม่เยอะ อาจจะเพราะยังเช้าอยู่ รถส่วนใหญ่ที่ขึ้นลงก้อเป็นรถสองแถว วิ่งขึ้นๆลงๆดอยประจำอยู่แล้ว เลยดูจะเป็นมิตรกับจักรยานเป็นพิเศษ
น่าจะชินกับการมีจักรยานขึ้นๆลงๆดอยกันตลอดเวลา มีคนเชียงใหม่แอบกระซิบว่า นักปั่นเชียงใหม่ปั่นขึ้นลงดอยสุเทพเหมือน คนกรุงเทพไปซ้อมวิ่งสวนลุม..ซี่งจากการสังเกตุแล้วถ้าจะจริง มีจักรยานมาปั่นขึ้นลงดอยกันตลอดทั้งวัน นักปั่นจะทักทายและให้กำลังใจกันเอง ถึงแม้จะอยู่คนละฟากถนน ก้อยังทักทายให้กำลังใจกันตลอด แบบไม่ต้องกลัว เมื่อยคอ เพราะได้พยักหน้าตลอดทาง ^_^
ขึ้นมาถึงเส้นชัย หลังจากหยุดสงบนิ่งให้ร่างกายหายเหนื่อยแล้ว ถึงได้มีเวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบตัว ^_^ บรรยากาศข้างบนอากาศเย็นสบายไม่น่าเชื่อ ลมเย็นๆ สมเป็นเมืองหนาวจริงๆ ประมาณว่าถ้าไม่ขึ้นมาถึงคงไม่ได้สัมผัสไอเย็นแบบนี้แน่ๆ เจ้าหน้าที่ด้านบนนี้หลายคนแอบใส่แจ็คเก็ตเลยด้วย มองเป็นเห็นโต๊ะน้ำดื่ม มีน้ำครบยิ่งกว่างานใหญ่ๆหลายงานซะอีก
มีกาแฟหอบหิ้วมาต้ม ดริ๊ป กันร้อนๆถึงข้างบน
ดอยดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบ ทั้งหม้อต้มแบบสมัยก่อน กาน้ำร้อน ที่ดูหาไม่ได้แล้วในสมัยนี้ มาต้มมาชงให้คนข้างบนอิ่มอุ่นกันสุดๆระหว่างรอนักปั่นที่ย้งขึ้นมากันไม่ถึง
นอกจากกาแฟแบบ แฮนด์เมด แล้ว ยังมี เครื่องดื่มอีกเพียบเอาในนักกีฬาสุดๆ ทั้งน้ำอัดลม ทั้งน้ำดื่มบำรุงกำลัง ทั้งเกลือแร่ ทั้งน้ำผลไม้สด เรียกได้ว่า มีหมดทุกยี่ห้อที่เราเห็นขายอยู่ตามร้านสะดวกซื้อทั้วไป อาหารสำหรับนักกีฬา ถึงแม้จะไม่ใช่ข้าว เพราะเอาเข้าจริง ก้อกินไม่ลงอยู่ดี แต่ที่นี่ เตรียมเหมือนเป็นอาหารทานเล่น ทานเพลิน ทานได้ตลอด ให้กับนักกีฬา ดีไปอีกแบบ ไม่คาวเกินแต่ทานได้เรื่อยๆ ถูกใจหนำมากๆ
มาถึงช่วงแจกรางวัล อันนี้แบบ limited สุดๆ ใช้ กรวยแทน เครื่องเสียง เพราะจุดเส้นชัยไม่มีไฟฟ้า จัดกัน แบบ exclusive เลย แต่แปลกตรงที่ มันดูมีเอกลักษณ์ และ ดูน่ารักไปอีกแบบ รางวัลที่แจก ไม่เน้นให้แต่นักกีฬ่าที่เก่ง
ให้รางวัลกับทุกคน ประมาณว่า ของแจกเยอะกว่าคนแข่งอีก บางคนได้กลับบ้าน 3-4ชิ้น คุ้มเกินค่าสมัครแค่ 250บาทอีก
ของแจกก้อไม่ธรรมดา มีทั้งเสื้อยืดที่ระลึก, กระเป๋าคาดเอา, power bank, กระติกน้ำจักรยาน, พระจากวัดในเชียงใหม่, นาฬิกา, หมวกจักรยาน, gift voucher ร้านกาแฟ, etc...
ตลอดการประกาศรางวัล เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ชื่นชม กับ ผู้ชนะ และ ยินดี กับ ทุกคนที่ได้ปั่น มีเวลาเป็นของตัวเอง ไว้เป็น record สำหรับ ตัวเอง ในปีต่อๆไป
ในส่วนของหนำเอง คิดว่าเต็มที่กับการแข่งแล้วในสภาพเท่าที่ร่างกายจะเอื้อไปได้ ถ้าถามปีหน้าจะมาอีกมั้ย คำตอบคือ มาแน่ๆ เพราะสิ่งที่ได้กลับไปมันมากกว่าแค่เข้าแถวรอรับถ้วยแล้วจบกัน หรือ มันได้มากกว่าการแค่โพสต์ท่าถ่ายรูปแล้วออกสื่อให้เพื่อนๆดู ให้เพื่อนๆชื่นชม ว่าโอ้โห เก่งจังเลยแล้วก้อผ่านไป ^_^
แต่งานนี้มันมีความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง
เรียบง่ายแต่ทั่วถึง อยากให้ใครก้อตามที่คิดอยากสัมผัสงานแบบนี้ ได้ลองดูบ้างแล้ว รับรอง จะหลงรักเชียงใหม่ ^_^
ปีหน้าเจอกันค่าา DoiSuthep ITT 2015