วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Ironman Kona อีกหนึ่งบทพิสูจน์ ความเป็นไทยในเวทีโลก

Kona..my dream comes true! 

ทุกๆก้าว ทุกๆความฝัน ของทุกคนกว่าจะประสบความสำเร็จ เชื่อมั่นได้เลยว่า ในหลายๆคนหนทางมันไม่ได้ราบลื่น ง่ายดาย เหมือนที่ใจเราคิดแน่นอน เพราะถ้ามันง่ายๆ ได้ดั่งใจ มันคงไม่ใช่ความฝัน

หนทางสู่ ความฝัน Ironman Kona ของหนำ อาจจะแตกต่างจากคนอื่นๆอยู่หน่อย เพราะหนำรู้ตัวเองอยู่ตลอดว่า หนำเล่นกีฬาเพื่ออะไร และเล่นกีฬาทำไม Kona จึงไม่เคยเป็นคำตอบของสิ่งที่หนำเลือกจะทำเลย

หนำเล่น Ironman เพราะหลงรักความรู้สึกท้าทาย
 ความรู้สึกที่เราต้องเอาชนะร่างกายตัวเอง
ความรู้สึกที่เราต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกาย
ความรู้สึกที่เราต้องวางแผนการซ้อมและการ่แข่ง
และ ความรู้สึกปลาบปลื้มที่สามารถทำมันสำเร็จ ได้
สิ่งเหล่านี้ต่างหาก ที่หนำหลงรัก ชนิดถอนตัวไม่ขี้น ตลอดระยะเวลาเกือบ 10ปี 😂
หนำเห็น พี่ๆ คนอื่น เค้าอยากไปโคน่า ตั้งใจซ้อม ๆๆๆ แล้ว ก้อไม่ได้ เลิกไปก้อหลายคน มาๆไปๆ ก้ออีกหลายคน แต่ไม่ว่าใครจะเป็นยังงัย
 หนำทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
และหนำคิดว่ามันเพียงพอแล้ว
 โคน่าจึงไม่ใช่คำตอบของการเล่น Ironman ของหนำเลย
ตลอดระยะเวลาเกือบ 10ปี ตั้งแต่ปี 2005 หนำพยายามที่จะลงแข่งให้ได้ทุกปี อย่างน้อยปีละหน
 และ
ถ้า จัดการวันลางานดีๆ รวมถึง จัดงบดีๆ จะได้ปีละ2หน
 ไกลหนึ่ง ใกล้หนึ่ง ประมาณนี้เรื่อยมา
 ใจคิดอยู่แค่ว่า เราไปแข่ง เหมือน คนอื่นเก็บเงินแล้วได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ปีละครั้ง
หนำเองก้ออยากลางาน หนีทุกสิ่ง ไปชาร์ตแบต ปีละครั้งก้อยังดี โดยเฉพาะงาน
ด้านบริการ ที่หนำทำอยู่ ทำติดต่อกันนานๆ ความรู้สึกกระตือรือล้นมันจะหายไป
แต่พอหายไปสัก 2อาทิตย์ นี่กลับมาทีไรไฟแรงทุกครั้งเลยเรา       
                                                        
เคยถามตัวเอง และเคยมีหลายคนถาม ว่า ไม่อยากไปโคน่าเหรอ?  
หนำบอกได้เลย ว่า อยากไป..
แต่เราเร็วไม่ได้หรอก เราไม่ได้เก่งขนาดนั้น
ก้อเลยคิดว่ามันไม่มีทางอยู่แล้ว เราเองก้อคนทำงานทั่วๆไป แบ่งแยกเวลามาซ้อมได้ อาทิตย์ละ วัน สอง วัน ก้อดีใจมากแล้ว  แล้ว จะไปเร็วชนะฝรั่งเก่งๆได้ยังงัย

ในหัวมีแต่คำว่า ไม่มีทาง! หมดสิทธิ์  
   
หนำก้อเลยมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองมีน่าจะดีที่สุด

จนกระทั่ง Ironman ประกาศเรื่อง  Legacy program คือผู้ที่จะ ผ่านการคัดเลือก ได้ต้องอย่างน้อยผ่านการแข่งขันมาแล้วอย่างน้อย 12สนาม และต้องจบทั้ง 12สนาม แล้วเค้าถึงจะเอาจำนวนผู้สมัครทั้งหมดมาคัดเลืกอีกที  
  
  หนำเลยต้องมานึกนับ จำนวนครั้งที่แข่ง นับไปนับมาตอนนั้นได้9 สนามแล้ว เหลืออีกแค่ 3 หนำเริ่มมีความหวังเรื่องโคน่าขี้นมาอีกครั้ง

ถึงแม้ช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงที่ชีวิตมีปัญหามีอุปสรรค จนถึงขั้นที่จะเลิกแข่ง หนำก้อผ่านมันมาได้ ถึงแม้จะขลุกขลักหกล้มลุกคลุกคลาน แต่หนำก้อยืนหยัดก้าวผ่านมาได้ในที่สุด

ประกาศผลคนที่qualified ช่วงประมาณสงกรานต์ของบ้านเราพอดี เมื่อเห็นว่ามีชื่อตัว วูบแรกคือดีใจมากๆถึงมากที่สุด มีการโทรเช็คกับเพื่อนๆคนอื่นที่เค้าซื้อล็อตเตอรี่ไป

แต่ปรากฏว่า เพื่อนที่ซื้อล็อตเตอรี่ไม่มีใครโชคดีถูกเลยสักคน!

หนทางสู่โคน่า ไม่ได้สวยงามอย่างใจคิดเลย เพราะการเดินทางนอกจากจะยากแล้ว ค่าใช้จ่ายยังค่อนข้างจะสูงมากๆอีกต่างหาก

หนำลังเลเล็กน้อยเมื่อนึกถึงค่าใช้จ่าย

 มันเป็น ปัญหาใหญ่มาก ต่อ 1ทริปนี้ รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดต้องมีเงินอย่างน้อยสัก 3แสน แต่พอคนรอบตัวมองว่ามันเป็นโอกาสเดียวในชีวิต และ ไม่ใช่ทุกคนจะมาได้และทำได้ ให้หนำคว้าโอกาสนี้ไว้

หนำเลยเริ่มต้นหวนกลับมาหาวิธีที่จะได้ไป หางานทำเพิ่มและขอสปอนเซอร์ไปด้วย ช่วงแรกก้อรู้สึกมีความหวังดี

 แต่พอนานไป
การยื่นขอสปอนเซอร์สำหรับนักกีฬาสักคน ในบ้านเรามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะสปอนเซอร์ในเรื่องของเงินสนับสนุน!

แต่ในทางกลับกับ บริษัทใหญ่ๆสัญชาติไทยแท้ๆ คนไทยแท้ๆ กลับ สนับสนุนนักกีฬาต่างชาติ มีทีม ของตัวเอง แต่ลูกทีมไม่มีคนไทยเลยสักคน
หรื
 สนับสนุนอัดฉีดแต่กลับมองข้ามนักกีฬาชาติเดียวกันที่ มีศักยภาพไม่ด้อยกว่า แต่เค้าแค่ขาดโอกาสเท่านั้นเอง!

การยื่นขอสปอนเซอร์ในรูปแบบต่างๆดำเนินควบคู่ไปกับการซ้อมที่มีขีดจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะอาการบาดเจ็บที่ส้นเท้า ไหนจะงานที่ต้องทำเพิ่มเพื่อหาเงินไปแข่ง

ทุกอย่างเพื่อโคน่าคำเดียว

มีบางครั้งที่กลับมาคิดว่า หรือเราควร กลับไปมีความสุขแบบเดิมๆดี แต่เมื่อใดที่คิดแบบนี้จะมีคำตอบตามมาเสมอว่า

 มันคือโอกาสเดียวในชีวิตที่ถ้าไม่คว้าไว้ คงไม่มีโอกาสที่2

ทุกอย่างดำเนินไป เมื่อใกล้วันมากเข้า จากที่ต้องเดินทางคนเดียว เริ่มมีเพื่อนๆพี่ๆ เคลียร์งานได้พร้อมไปตั้งหลักเป็นกองเชียร์สนับสนุน ใจชื้นขึ้นมานิดนึง อย่างน้อยกำลังใจก้อดีขึ้น

มุ่งหน้าเดินหน้าทำสิ่งที่เราควรจะทำต่อ

จนในที่สุด พี่ที่หนำสอนอยู่ หนึ่งคนออกค่าแรงล่วงหน้าให้ ทำงานใช้หนี้ทีหลัง
อีกคนให้ pocket money ติดกระเป๋า
แต่สปอนเซอร์จากบริษัทใหญ่ๆน่ะหรือ อย่าได้หวัง!

ใกล้วันเดินทางมีเสียงเชียร์ให้กำลังใจมาเรื่อยๆ จากเพื่อนพี่น้องทั้งในทั้งนอกวงการ กำลังใจดีขึ้นไปอีก ^^

ในที่สุด ก้อได้เดินทางมาถึงโคน่า สวรรค์ของนักไตรทุกคน บรรยากาศที่เห็นตั้งแต่ออกจากสนามบิน มีนักแข่งหรือนักกีฬาไม่แน่ใจ ซ้อมทั้งจักรยาน ทั้งวิ่ง ทั้งว่ายน้ำ อยู่ตลอดเส้นทางจาก สนามบินมาที่พัก  ทุกคนดูแข็งแรงและตั้งใจมากๆ     

  เห็นแล้วให้รู้สึกอยากออกกำลังกายบ้าง เย็นนั้นเลยจัดวิ่งเบาๆให้ตัวเองไป 8โล โล่งอย่างบอกไม่ถูก ^_^

เช้าวันรุ่งขึ้น ซ้อมปั่นจักรยาน หนำมีข้อมูลอยู่แค่ว่า ที่นี่ลมแรงมากๆ เลยมาขี่ซะหน่อยตั้งใจซัก 80-90โล ปั่นออกจากที่พัก มุ่งหน้าไปบนส้นทางที่ใช้ปั่นจริง
 เส้นทางกว้างใหญ่ประมาณเหมือนถนน 6เลนบ้านเราไป3กลับ3..
เส้นทางไม่ราบเรียบมีขึ้นลงลักษณะเป็น rolling อยู่ตลอดเส้นทาง
หนำตัดสินใจ วกรถกลับเมื่อขี่ไปได้ประมาณ 35โล คิดในใจ
โอเคน่ะ ระยะทางที่เหลือคงไม่ต่างกันมากลมแรงประมาณนี้พอรับไหวน่ะ ปั่นเต็มที่ สัก 6ชม. น่าจะอยู่
 วางแผนได้ดังนั้นก้อกลับ

วันรุ่งขึ้น แพลนคือว่ายน้ำและวิ่งเล็กน้อย ลองว่ายน้ำวันนี้
คลื่นค่อนข้างเยอะทำให้ว่ายยากนิดหน่อย แต่น้ำทะเลที่ใส สะอาด ชนิดที่บอกได้เลยว่า น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ^^
 หนำว่ายอย่างมีความสุขมาก แต่ไม่ได้ซ้อมว่ายเยอะนัก ประมาณ 1โล ก้เลิก ขึ้นมาวิ่งต่อได้สัก 2โล

อีกหนึงวันถัดมา ก้อลงว่ายน้ำเช็คคลื่นอีกครั้ง คราวนี้ปรากฎว่าคลื่นเยอะกว่าเมื่อวานอีก เริ่มมีอาการกังวล
 ถ้าต้องว่ายคลื่นขนาดนี้เกือบ 4โล จะเป็นยังงัยเนี่ย ว่าแล้วเลยตัดสินใจ ซื้อชุดว่ายน้ำใหม่ 1ชุด เผื่อจะช่วยได้
ภาวนาให้เทคโนโลยีชุดว่ายน้ำดีมากพอ แต่เอาเข้าจริงทุกอย่างเริ่มที่ตัวเราเสมอ ^ ^
 แต่วินาทีนั้นไม่ว่าผ่านศึกมาขนาดไหน มาเจองานระดับโลกขนาดนี้มันต้องมีอาการกันบ้างล่ะน่า 555

ว่าไปว่ามาเวลาเร็วเหมือนติดปีก
 คืนก่อนแข่งมีอาการอีกนิดหน่อย เป็นธรรมดาของคนตื่นเต้น เลยหลับไม่ค่อยดี  หลับๆตื่นๆ ทั้งคืน 

แต่เมื่อมาถึงวันแข่งแล้ว ในหัวมีแต่คำว่าลุยอย่างเดียว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ แฟนเพจ ให้กำลังใจในวันก่อนแข่ง มาอย่างเพียบ กำลังใจดีมากเลยเรา

 รู้ได้เลยว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องพาตัวเองไปให้จบการแข่งขันให้ได้ 

เพราะวันนี้เราไม่ได้มาคนเดียว
 เรามีเพื่อนๆพี่ๆ ที่ตั้งใจลางานมาเชียร์เราถึงนี่ 
เรามีเพื่อนๆ ที่คอยเชียร์จากทางเมืองไทย
เรามีภาระที่ต้องทำในฐานะ ผญ. ไทยและคนไทยคนนึง
 
วางแผนการแข่งวันนี้คร่าวๆในหัว ตั้งใจทุ่มทุกอย่าง กับการแข่งขัน
ในหัว ตั้งใจจะสร้าง personal best record ตอนวิ่ง
เพราะวิ่งเป็นอะไรที่หนำถนัดที่สุด ใจก้อภาวนา ขอให้ส้นเท้าเป็นใจ อย่าเจ็บเยอะ ให้เจ็บแต่พองาม อดทนที่จะไม่วิ่งเลยมาเป็นเดือนๆ เพื่อวันนี้ วันที่ถ้ามันจะเจ็บก้อให้มันเจ็บไปแบบสุดๆ แบบไม่มีอะไรจะเสีย เผื่อหลังจากนี้อาจได้พักจริงๆจังแบบคนอื่นซะที ^ ^
ช่วงว่ายน้ำภาวนาขออย่าให้ panic ก้อพอ
ส่วนจักรยาน ภาวนาอย่าให้ยางแตก ด้วยเถิด ถึงแม้จะมีอุปกรณ์มา แต่เปลี่ยนยางไม่เป็นนี่แอบเครียด แต่คิดในใจ ถ้าต้องเปลี่ยน จริง ขอให้นึกวิธีเปลี่ยนให้ออกด้วยเถิด

วางแผนพูดคุยกับตัวเองคร่าวๆ มีเวลามีสมาธิ

เดินทางไปถึงสำรวจจักรยาน เติมข้าวของใน ถุง bike gear อีกนิดหน่อย แต่ เส้นทางที่ต้องเดินนี่ช่างไม่ได้ใกล้เลย
 ที่เขียนเบอร์ไกลมาก แต่ทุกอย่างเป็นระบบระเบียบ สมเป็นงานระดับโลกมากๆ Volunteers ทุกคนดูชำนาญและตั้งใจ พูดคุยเป็นกันเอง น่าประทับใจมากๆ

เตรียมทุกอย่างพร้อมก่อนเวลาปล่อยตัวของตัวเองประมาณ 15นาที
ตัดสินใจจะมีสมาธิกับตัวเองมากกว่าจะไปดู โปรระดับโลกเค้าปล่อยตัวว่ายน้ำกัน เพราะยิ่งเห็นยิ่งตื่นเต้น ขอเวลาทำใจดีกว่า เชื่อมั่นว่ายังงัยโปร ก้อทำได้ดีกว่าเราแน่ๆ ^ ^

เดินเข้าไปรวมตัวใกล้ๆกับที่ทุกคนยืนเข้าแถวรอปล่อยตัว แต่หนำกลับนั่ง หันหลังให้ผู้คน อาการpanic กำลังมา ต้องทำใจให้ได้กับการแข่งคราวนี้ เลยตัดสินใจนั่งนิ่งๆ ไม่พยายามเห็นผู้คนที่จะลงแข่ง 
สักพักใหญ่ๆก้อรู้สึกได้ถึง สมาธิและความนิ่ง ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ แล้วจึงเดินไปรวมกับกลุ่ม 
เวฟสุดท้าย 
ที่จะปล่อยตัวพร้อมกัน 
สนามนี้เป็น การปล่อยตัวในน้ำ ซึ่งจุดปล่อยต้องว่ายออกไปประมาณ 100เมตรได้ 
ทุกคนทยอยกันลงน้ำ หนำกะเวลาเล็กน้อย                          เพราะไม่อยากไปลอยตัวในน้ำนาน เห็นเหลือประมาณ ไม่ถึง5 นาที เลยตัดสินใจลงน้ำ 
เมื่อตัวสัมผัสน้ำ อาการpanic เหมือนพร้อมจะมาตลอด

 หนำว่ายช้ามากๆช่วงออก เพราะกะว่าค่อยๆว่ายไปถึงจุดออกให้ได้ยินสัญญานปล่อยตัวน่าจะกำลังดี
 ปรากฏว่าว่ายไปถึงก่อน แย่แล้ว ลอยตัว! เหนื่อยแน่ๆ มองไปทางขวา เห็นเรือ เลยตัดสินใจว่ายไปเกาะเรือ ซึ่งก้อมีนักกีฬาบางส่วนเกาะอยู่ก่อนแล้ว รออีกสักไม่ถึงนาทีสัญญานปล่อยตัวดัง
เอาแล้ว หนำ ตั้งสติ มีสมาธิ และที่สำคัญ ไม่ต้องกลัว!

  ว่ายออกไปอีกครั้ง พยามไม่มองคนที่ว่ายคนที่ยืนเชียร์ ในหัวมีแต่คำว่า มองน้ำ คิดว่าซ้อมว่าย ดูปลา แต่ไม่รู้วันนี้ปลาดันหายไปไหนหมด ใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัว เราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด อย่าหยุด พยามท่องแบบนี้อยู่ในหัวตลอด
 จนกระทั่งรู้ตัวแล้วว่าผ่านจุดpanic แล้ว
 แรงเริ่มกลับมา อาการหายใจดีขึ้น จังหวะเริ่มกลับมาแล้ว
 เอาล่ะหนำ ถึงเวลาว่ายแล้ว... 
พอเริ่มได้จังหวะ กลับปรากฏว่า ว่ายไม่ได้เร็วเท่าทีอยากว่าย เนื่องจากคนเยอะมาก และเป็นการว่ายตามๆกันซะส่วนใหญ่ เอางัยดี เรา..
เลยตัดสินใจว่ายตามๆกันไป 
คิดในใจระดับโลก qualified มาทั้งนั้นคง ไม่ช้าหรอกน่า 
ยังงัยคงว่ายเร็วกว่าเรา  ตามๆเค้าไปละกัน
 ตลอดทางจึงเป็นการว่ายแบบ ตามๆกันไป อาจจะมีช่วงทนไม่ไหวบ้าง เร่งแซงไปได้ 2-3ครั้ง ไปหาแถวที่อยู่ข้างหน้า ใจก้อนึกว่าคงไม่ช้า!
 จบการว่ายเช็คดูนาฬิกา 1:34hrs
 อ้าวอะไรเนี่ย ว่ายช้ากว่าที่คิดไว้นะเนี่ย นึกว่าสัก 1:24
 สรุปว่า มัวแต่ตามพวกช้ากว่าหรือเนี่ย!! 
จักรยานคงต้องเร่งหน่อย ถ้าอยากทำเวลาดีๆวันนี้
 เพราะตั้งใจไว้แล้วว่า จะต้องได้สัก 12ชม.กว่าๆ เลยต้องรีบ!  
  
เข้ามาที่เต๊นท์
เปลี่ยนเสื้อผ้าทุกอย่างเป็นชุดปั่นจักรยาน วิ่งพร้อมจักรยานออกจากทรานซิชั่น
เส้นทางส่วนนึง มีอยู่แล้วในหัวจากการไปซ้อมปั่
 ซึ่งวางแพลนไว้หมดแล้ว ช่วง 30โล ตรงนั้นคงไม่ยาก
 ปั่นเลยไปอีก 60โลแล้วกลับตัว
เดาๆเอาว่าคงไม่ต่างกันมาก
ออกตัวปั่นไปเรื่อยๆ พยามยังไม่ใส่แรงมากนัก
เพราะเพิ่งขึ้นจากน้ำ อยากให้ขาปรับสภาพนิดนึง
 เมื่อพร้อมจะเร่งได้เอง วอร์มๆออกไปได้สักเกือบ 20โล เริ่มรู้สึกดีขึ้น
 ถึงเวลาเร่งของเราแล้ว...
ปรับเกียร์ปรับขี้นจานใหญ่ ลุยอย่างเดียว ทำเวลาได้ดีขี้น ความเร็วดีขี้น หลังจากเลย 50โล
เลยจุดที่ขี่สำรวจมาได้พักใหญ่ เริ่มรู้แล้วว่าทำไมทุกคนถึงพูดว่าสนามนี้ลมแรงมาก มันเป็นลมที่แรงจริงๆ
นอกจากต้องขี่ต้านลมแล้วยังต้องระวังลมด้านข้างด้วยพัดที ปลิวที ช่างน่ากลัวจริงๆ พยามจับแฮนด์ให้กระชับขึ้นและเริ่มมีสติตั้งหลักตลอดเวลา เพราะถ้าเผลอมีคว่ำแน่ๆ 
ตั้งแต่กิโลที่ 50ยาวไปถึง 100 เป็นอะไรที่ทรมานสุดๆ 
ไหนจะลม ไหนจะเขา 
บางทีมาพร้อมกัน ขี่แล้วเหมือนจะอยู่กับที่ซะอย่างนั้น
 ลมแรงชนิดที่เรียกว่าพัดหนำจาก ขวาสุด มาอยู่กลางติดกับเลนสวนได้ 
ใจก้อหาวิธีตลอด 
ต้องขี่ยังงัยไม่ไห้ล้ม ไม่ไห้ช้า 
มี2-3ครั้งที่รู้สึกกลัวมากอยากหยุด ลงไปนั่งทำใจ
 อีกใจก้อเตือนตัวเองตลอด ไม่เป็นไรหนำ เราทำได้ เราทำได้ ต้องทำได้สิ! 
ประมาณว่าขี่จนรู้ทีศทาง หาท่าขี่ที่ไม่ทรมานมาก พุ่งหัวรถจักรยาาเจ้าหาลมเลย
เริ่มดีขึ้นแฮะ
แต่ก้อยังสู้ช่วงที่ลมแรงมากๆไม่ไหว แต่พยามไม่ให้มันสะบัดจนเราปลิว 

ถือว่าเป็นประสบการณ์แรกของสนามระดับโลกจริงๆ นี่แหละคือ ลม ที่ทุกคนหมายถึง...

กลับตัวนี่ตรงข้ามเลยจริงๆ ลมส่งเราตลอด แต่ถึงแม้จะมีความเร็วก้อไม่ได้หมายความว่าเราจะลอดพ้นจากลมด้านข้าง ยิ่งมาเร็ว เจอลมข้างถ้าเอาไม่อยู่ จะยิ่งเจ็บหนัก

เริ่มเห็น จักรยาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ผญ. ล้มกันบ้าง เป็นระยะๆ น่ากลัวจริงๆ ใจก้อภาวนา
อย่าล้มนะหนำ ทำได้ๆ การต้องมีสติและสมาธิที่สูงเลยทำให้หมดพลังมากๆ
โดยเฉพาะในช่วง 30โลสุดท้าย แถมยังต้องขี่ต้านลมกลับอีก ช่างน่าทรมาน
พยามกินทุกอย่างที่พกไปเพื่อให้มีพลังขี่
ก้อดีขึ้นเป็นระยะๆ ผ่าน 160โล สวน จักยานหนึ่งคัน จอดเปลี่ยนยางอยู่
มองดีๆ อ้าวพี่ไก่นี่นา
ตะโกนถามนิดนึง เป็นรัยรึป่าวพี่?
พี่ไก่บอกยางแตก...แล้วโอเคนะพี
พี่ไก่บอกโอเค ใจเราหายกังวล
ตะโกนกลับไปสุดท้าย สู้ๆนะพี่ไม่เป็นไร ค่อยๆไป

ว่าแล้วหนำก้อปั่นต่อ เริ่มเห็นมีคนวิ่งกันแล้ว
ดูวิ่งเร็วกันมาก สมแล้วที่เป็นage gruop winner ชื่นชมได้สักพัก
เช็คนาฬิกา
เราขี่ช้ามากๆๆๆวันนี้ เวลาจักรยานช้ากว่าที่ตั้งใจเกือบชั่วโมง คำนวนเวลา
ถ้าแบบนี้ ขอเข้าก่อน 13ชม ละกัน
พอมีลุ้น
แต่ต้องวิ่งสุดๆเลยนะเนี่ย ห้ามวิ่งเกิน 4:15ชม. กับ 42โล
โห!! จะทำได้มั้ยเนี่ย!
 เอาน่า อยากทำ
personal best ตอนวิ่งอยู่แล้วนี่นา ลองดูละกัน ส้นเท้าอยู่ด้วยกันนะ อย่าเจ็บมากนะ
sub13 hr แลกกับ ไอติม เอาน่า คิดถึงไอติม ไว้ก่อนตอนนี้ แล้วเดี๋ยวดีขึ้นเอง เอาอารมณ์หวานๆเย็นๆมาสู้ กับความร้อน

ลงจากจักรยาน เปลี่ยนชุดอีกครั้ง ความรู้สึกอัดอั้นที่อยากวิ่งมานานแต่วิ่งไม่ได้ เพราะกลัวส้นเท้าจะเจ็บก่อนถึงเวลาต้องใช้
มาถึงวินาทีนี้กลัวนะ แต่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว แลกเลย เจ็บเป็นเจ็บ ทนๆบดๆมันไปละกัน กัดฟัน เหลืออีกแค่ 42โล ไม่สิ วันนี้คิดเป็นไมล์เลย น้อยดี 26โมล์ คิดให้เหมือน 26โล ละกัน น้อยดี ^ ^

ออกตัววิ่ง ยังไม่เร่งนัก รอหัวใจพร้อมกล้ามเนื้อพร้อม เส้นทางวิ่ง ศึกษามาแล้ว วิ่งผ่านบ้าน เจอพวกพี่มิคกี้ กับ กองเชียร์ แค่ไปให้ถึง
งั้นเราแค่วิ่งจนกว่าจะเจอบ้านแล้วกัน
เจอเพื่อนซะที
คิดได้อย่างนั้นขาเร็วขึ้นมีโฟกัสมากขี้น
จังหวะเร่งเริ่มมา เหลือบดูเพสวิ่ง 5กว่าๆ น่าจะดี
ไม่แย่ คำนวนต่อในหัว งั้นถ้าเราจะวิ่งให้จบภายใน 4:15 ห้ามเกิน 4:20

เราต้องวิ่ง 10โล ใน 1ชม.
เอาน่าลองดู

แต่เส้นทาง แบบสนามระดับโลก ใครคิดว่าเส้นทางวิ่งจะเรียบง่าย ไม่ใช่เลย มัน ขึ้นๆลงๆ ตลอด 42โล ให้สมกับเป็นสนาม WorldChampion!
ดีที่หนำเป็นพวกชอบทางแบบนี้
 แต่ถ้าจะทำเวลา ในสภาพขาหลังปั่น 180โล
นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย

 แต่ยังงัยวันนี้ สู้ตาย อย่างเดียว

ยังคงวิ่งไปเรื่อยๆพยามคุมความเร็วไม่ให้ช้า เกิน พาขาตัวเองไปเรื่อยๆ 
ใกล้ถึงบ้านแล้ว 
มองเห็นพี่มิคกี้กับเพื่อนๆแต่ไกล ดีใจมาก
 วิ่งผ่านกรี้ดกร้าด กันพอเป็นพิธี 
ก้อหันมาโฟกัสกับการวิ่งต่อ เลยไปอีกนิด 
เตรียมกลับตัว 
พี่ไก่เป็นยังงัยบ้าง
 กลับตัวย้อนไปคงได้เจอกัน ระดับพี่ไก่ไหวแน่ๆ ไม่ต้องกังวล
ย้อนกลับมาผ่านหน้าเพื่อนๆอีกครั้ง หันไปบอก เรื่องพี่ไก่ยางแตก ทุกคนจะได้ไม่กังวลว่าหายไปไหน

ตามด้วย
เจอกันอีกทีที่เส้นชัยนะ จบแน่ๆ

เอาละ เหลืออีกแค่อยู่บนไฮเวย์ 
เส้นทางเดียวกับจักรยานเลย 

คิดง่ายๆเหมือนเดิม วิ่งไปให้ถึงสนามบิน วนนิดหน่อย ก้อได้กลับแล้ว... 

ตลอดเส้นทางประมาณ 16โลแรก 
ทุกอย่างยังผ่านไปได้ด้วยดี
 และเป็นไปตามที่แพลนทุกอย่าง 
ความเร็วยังคุมได้ดี ผ่าน 10โลแรก 58นาที 
10โลที่ 2 รวมกัน 2ชม. พอดี 
เราเริ่มวิ่งช้าลงละ 
ไม่ได้นะ เดี๋ยวไม่ทันอดกินไอติม ทำเวลาหน่อย!

  ผลักดันตัวเองตลอดกับการวิ่ง พยามไม่ให้ ความเร็วหลุดไปเยอะ จนกระทั่ง 
ได้สัก 22โล อาการเริ่มมา 
เริ่มมอาการ มึนๆ หมดแรง 
ทำให้ต้องมองหาของกินเพิ่มอย่างอื่น 

คว้าได้อะไรก้อกินเข้าไปเพื่อให้มีแรงวิ่ง
 ทั้งน้ำ ทั้งน้ำแข็ง สาดตัวตลอด เพื่อดับความร้อนและลด Heart rate 

ในที่สุดก้อวิ่งมาถึงสนามบิน วนเข้าไปในเส้นทาง ที่เค้าเรียกว่า energy loop

 โห.. แล้ว energy เราหายไปไหนเนี่ย เข้าไปในนั้นเริ่มรู้สึกถึงพลังที่น้อยลง อาการเมื่อยและปวดหน้าขา ข้อเท้า และ ส้นเท้า เริ่มชัดเจนขึ้น

 ไปต่อ ผ่อนไม่ได้ ใกล้ 30โลแล้ว เช็คเวลา อีกครั้ง หลังผ่าน 30โล
แย่แล้วเกินมา 3นาที ผ่าน 30โลที่ 3ชม. 3นาที

คำนวนอีกครั้ง 12โลที่หลือ กับ 1:10นาที จะทันมั้ย 

เริ่มรู้ตัวว่าอาจไม่ทัน แต่ยังไม่เลิกความพยายาม

 ไอติม เป็นของรางวัล ที่มีค่ามากเลยตอนนั้น 

ไหนจะกองเชียร์ ที่เชียร์กันสดๆอยู่อีก

 ลองดูยังมีโอกาส ว่าแลัว ระยะ ตั้งแต่ 30โล หนำใส่หมด ดึงความเร็วขึ้นมาให้ได้ 

ใช้ได้ ความเร็วกลับมาละ ใส่ต่อแบบไม่ยั้ง ยาวไปๆ 

แต่มันไม่เป็นอย่างใจคิด ปรากฏว่าโลที่ 37 กว่าๆ อยู่ดีๆ ร่างกายก้อมีอาการที่เรียกว่า  ช็อต 

มัน ช็อตเอาดื้อๆ หมดแรง หมดพลัง ไม่มีแรงแม้แต่จะเดิน 

อาการนี้มาเมื่อไหร่ คนทั่วไปคงงง..

แต่หนำประสบการณ์สูง รู้เลยว่าควรทำยังงัย ว่าแล้วก้อหันไปหยิบ ของกินที่มีอยู่ทุกชนิด กินเข้าไปรอให้ บูส เครื่องได้ใหม่แล้วค่อยๆเร่งอีกครั้ง 

ช่วงนี้นความเร็วหล่นลงมาเหลือ 8กว่าๆ 

เริ่มรู้ตัวแล้วว่าไม่น่าจะทัน ใจเริ่มท้อ 
อีกใจก้อเอาน่า ไม่ลองไม่รู้ พยายามไม่เดิน

โลที่สัก 38กว่าๆ ละ แรงเริ่มกลับมา 

หนำเรื่มดึงจังหวะกลับมาได้ใหม่ ประกอบกลับใกล้ถึงเต็มที่ 
เร่งเข้าไป ใส่ให้หมด!!! 

คิดได้ดังนั้น เริ่มดึงความเร็วกลับมาใหม่ 

ขึ้นเขาสุดท้าย ไม่ต้องกลัวแล้ว ใส่ๆแล้วก้อใส่ให้หมด... 

นัดเพื่อนไว้พร้อมก่อนแล้วว่าจะเจอตรงไหนพร้อมรับป้ายไฟและธงชาติ 

เหลือบดูนาฬิกาเป็นครั้งสุดท้าย 2โลสุดท้าย 

เหลือ 5นาทีจะ13ชม. ไม่ทันแน่ๆละ 
ไอติม คงต้องอด แต่ไม่เป็นไร วิ่งเต็มที่แล้ว 

ใส่พลังทั้งหมดเพื่อวิ่งให้ดีที่สุดและก้อคิดว่าทำดีที้สุดแล้ว วินาทีนี้ 

ทุกคนรอให้เราเข้าเส้นเท่านั้น 
ทำเพื่อให้ธงไทย ได้พัดโบกในเวทีโลก  
ทำในฐานะคนไทย คนนึงที่ทำทุกอย่างให้เต็มที่ สมหน้าที่ตัวเอง 
และ 
ทำเพื่อกองเชียร์ทุกคนที่ฝากพลังใจมาให้

เจอพี่มิคกี้ก่อนเมื่อเข้าโลสุดท้าย พี้มิคกี้วิ่งตามให้กำลังใจแสดงความยินดีกับหนำพักนึง

หนำพยามไม่ลดความเร็วแล้วมีแต่เพิ่มให้ถึงเป้าหมาย

เจอน้องแป้งกีวี่และพี่เล้ง
อยู่ที่จุดนัด

น้องแป้งส่งธงชาติ
กีวี่ส่งป้ายไฟ..
ได้รับของครบ

สุดท้ายหนำทะยานไปด้วยพลังของความปลาบปลื้ม

เสียงเชียร์ ไทยแลนด์ ไทยแลนด์
ดังกระหึ่ม ตลอดทาง เพราะเราไปพร้อมสัญลักษณ์แห่งความเป็นไทย

 และในที่สุด ช่วงเวลาที่น่ายินดีที่สุด

เมื่อ เสียง พิธีกรในงานประกาศชื่อ หนำ

และตามด้วย คำว่า Bangkok Thailand ..

ช่างเป็นวินาทีที่

หนำมีความสุขมาก มากจนลืมความรู้สึกเหนื่อยล้าที่ผ่านมาทั้งหมด

มันคือ ความปลาบปลื้ม ยินดี
ที่ไม่ว่าจะเขียนยังงัย ก้อคงหาคำพูดมาอธิบายได้ไม่เหมือน



ภารกิจ ในฐานะนักไตร ที่ทำตามฝัน 

ภารกิจในฐานะคนไทย ที่ทำเพื่อชาติ


ภารกิจในฐานะน้องคนนึงของพี่ๆ และพี่ของน้องๆ

ภารกิจในฐานะลูกสาวของพ่อกับแม่ ที่ท่านสอนไว้ตลอดว่า ถ้าจะทำอะไรให้ทำเต็มที่และให้ทำด้วยตัวเอง

ภาระหน้าที่ทั้งหลายเหล่านั้น 
มาถึงวันนี้ 
หนำ เดินทางมาถึงจุดสูงสุดแล้ว 
เส้นทางยาวนานตลอดเกือบสิบปี 

ที่ในที่สุดหนำก้อมาถึง 
และ ทำสำเร็จแล้ว
ดีใจและภูมิใจที่สุด...