วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Road To Kona... My 1st Ironman (3/3จบ)


Road To Kona... My 1st Ironman (3/3จบ)
เส้นทางสู่ Ironman Kona, Hawaii.. 
กับประสบการณ์การแข่งIronman ครั้งแรก!! 🎊

"ครั้งหนึ่งในชีวิต เราก้อทำได้ ทรมานมากๆๆๆๆ ไม่เอาอีกละ ขอพักก่อน คงมีแค่ครั้งเดียว คงไม่เอาอีกแล้ววว..."

พาตัวเองออกไปวิ่ง ของถนัด😇😎
พอเริ่มวิ่ง โอ้โห ใจเย็นๆ!!! 
ขาเราหรือเนี่ย ความเร็วไปไหน? 
นี่เรากำลังวิ่งหรือเดินเนี่ย?
รู้แต่ว่ามัน ปวดเหมือนกับวิ่งไปแล้วซัก 35โล แต่นี่ชั้นต้องวิ่งอีก 42โลรึเนี่ย!!! สมองเริ่มคำนวนและเริ่มคิด

จำได้ว่าพี่โก้ให้ข้อมูลบอกไว้ว่าวิ่งไปซัก 4-5โลขาจะดีขึ้น!!
เอาวะ... "ทน" จนกว่าจะดีขึ้นแล้วกัน 

แล้วก้อจริง 
ผ่าน 5โลแรกไปได้ stepวิ่งกลับมาละ 
เย้!!! วิ่งดีขึ้นเหมือนจะแอบเร่งได้นะเนี่ย แอบยิ้มดีใจ... ใจก้องั้นน่าจะได้ล่ะน่า
แต่ก้อมีเหตุไม่คาดคิดอีก... หนำวิ่งจนกระทั่ง เข้าโลที่15 
เกิดไรขึ้นกับเราเนี่ยหมดแรงงง!!! 

วิ่งไม่ไหว ไม่รู้แรงไปไหน ทำงัยดีเนี่ย??
แย่แน่จะจบมั้ยเนี่ย!!!
ขาก้อปวดสุดๆ ตัดสินใจ
เดินเป็นครั้งแรกตั้งแต่วิ่งมาราธอนมา 
ฝรั่งที่วิ่งมาข้างๆ รีบหยุดตามทันที แล้วมาบอกเราว่าเราค่อยๆ เดินๆ วิ่งๆไป เดี๋ยวก้อจบ 

หนำหันไปมองพร้อมรอยยิ้ม
คิดในใจ ขอบคุณนะคะ!!! แต่ไอ อยาก วิ่งนะ ยูไม่รู้รึ แต่เนี่ยไอหมดแรง!!!
ขามันหยุดเอง...

สมองเริ่มคิดว่า ควรทำงัยดี??
หันไปที่ Aid station คว้าได้คุกกี้มากิน 2อัน+ส้มอีกชิ้น มหัศจรรย์ของการกิน!!! 
แรงกลับมาเลย อ๋อ!!มันต้องกินรึเนี่ย เพิ่งรู้นะเนี่ย!!! ความรู้ใหม่

...หลังจากนั้นวิ่งได้ละ เชิญยูเดินไปก่อนนะ ไอ ไปละ bye bye

หลังจากนั้นหนำเริ่ม วิ่งได้ต่อเนื่องละ รู้สึกหมดแรงก้อกิน... รู้วืธีเอาชีวิตรอดละ
ระยะทางเริ่มนับถอยหลังไปเรื่อยๆละ ผ่านรอบแรกเข้าสู่รอบสอง ไชโย!!!เหลือรอบเดียว 21โล สำหรับเรา ไม่ยากเลย 
ในรอบสองนี่พอเร่งได้เป็นระยะๆ เพราะเริ่มกินเป็นละ
ในที่สุด ช่วงเวลาในฝันก้อมาถึง เราพาตัวเองวิ่งอย่างเร็วสุด เข้าเส้น 
(ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าต้องโพสต์ท่าเข้าเส้น) 
จบ 42โลสุดท้ายใช้เวลาวิ่ง 4:45hr ดีใจมากๆๆๆ ในที่สุดเราก้อตามความฝันสำเร็จกับครั้งหนึ่งในชีวิต กับ ความทรมานอย่างที่สุด ต่อสู้กับร่างกายที่แสนจะปวดร้าวกับใจที่พร้อมจะเลิกตลอดเวลา
รวมแข่ง Ironman แรกใช้เวลา 14:35hrs ไชโย ดีใจมากๆจบภารกิจอันแสนทรมาน
ครั้งหนึ่งในชีวิต เราก้อทำได้ ทรมานมากๆๆๆๆ ไม่เอาอีกละ ขอพักก่อน คงมีแค่ครั้งเดียว!!
..คงไม่เอาอีกแล้ววว

แต่พอตื่นขึ้นมาวันรุ่งขึ้น หลังแข่ง...
ลืมๆช่วงเวลาโหดร้ายไปได้ 
สมองเริ่มทำงาน
เริ่มเป็นเวลาสนุกใหม่ ขาชั้น!!! ปวดไปหมด ไม่เคยปวดขนาดนี้มาก่อน นับแต่วิ่งมาราธอนครั้งแรก มันก้อยังไม่เคยปวดขนาดนี้!!! ที่เราแข่งไปมันก้อสนุกดีนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าเราก้อทำได้...อยากลองอีกๆ
หันไปหาพี่ๆ
นับแต่นั้น....จนถึงเดี๋ยวนี้...
หลังแข่งเสร็จมันจะตามด้วยคำถามว่า.
.. พี่ๆ สนามต่อไปเราไปไหนกันดีเนี่ย?

Life crosses the Limit!

Life crosses the Limit!!!

นานๆมาพูดถึงเรื่องราวของความแข็งแรงและทนทานกันดูบ้างนะคะ ว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังเบื้องลึก ของการแข่ง Ultra และ Extreme ทุกประเภท เราต้องเจอ ต้องพบ ต้องแก้ปัญหา ต้องฝืนขีดจำกัดของร่างกายกันอย่างไรบ้าง

Cross the Limit!! การจะไปถึงจุดหมาย ก้าวผ่านขีดจำกัดของร่างกาย จิตใจต้องสำคัญกว่าร่างกาย!! ถึงจะมีพลังพอที่จะผ่านไปได้

เอางานแรกก่อนเลยดีกว่า วิ่ง 100km 
นึกถึงเลข 100โล แล้ว มึนๆงงๆค่ะ ไม่มีความรู้ ไม่เคยทำ ไม่รู้จะทำได้มั้ย และยิ่งไม่รู้เลยว่าจะจบมั้ย?😅
พื้นฐาน ของตัวเอง 
เคยวิ่ง 42โล ค่อนข้างมั่นใจว่ายังงัยก้อจบได้ 
50โล ปีที่แล้วก้อวิ่งมาแล้ว กล้ำๆ แต่ก้อผ่านมาได้ 
แต่นี่ สองเท่าของ50เลยนะ ขาจะเป็นยังงัยนะ? สภาพจะขนาดไหนเนี่ย นึกภาพไม่ออกเลย😱

จะสำเร็จหรือไม่ก้าวแรกเริ่มจากการที่เราต้องตั้งใจ และมี commitment กับมันให้ได้ก่อนว่า โอเคนะ ชั้นตั้งใจละ ชั้นจะลองวิ่ง 100โล ดูสักครั้งในชีวิต ไม่รู้ว่าจะสภาพไหนล่ะ แต่ต้องขอลองงงง!! 
 หลังจากนั้น เพื่อจะทำให้ได้ เราต้องมีการวางแผนการซ้อม ว่าแต่ซ้อม 100โลนี่ ต้องซ้อมยังงัยเนี่ย!!! 
ในกรณีของหนำอาจจะไม่เหมือนนักวิ่งคนอื่นๆที่แข่งวิ่งกัน การซ้อมเลยอาจจะไม่เหมืิอนคนอื่นๆเท่าไหร่นัก พื้นฐานของหนำมาจากนักไตรกีฬา เพราะฉะนั้น หนำจะทุ่มให้กับการวิ่งอย่างเดียวไม่ได้ แต่เน้นเพิ่มได้... หลังจากลงสมัครแข่ง ตัดสินใจเมื่อประมาณเดือนตุลาของปี 2013 เพื่อแข่ง the northface 100k ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปัญหาคือ หนำยังซ้อมอย่างเดียวเลยไม่ได้ ต้องรอให้ผ่านการแข่งภูเก็ตไตรกีฬา (LPT และ Challenge) ซึ่งเป็นงานไตรที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ไม่ร่วมไม่ได้
ดังนั้นการซ้อมตั้งแต่เดือน ตุลา ถึงต้นเดือนธันวา ส่วนใหญ่ จึงมุ่งเน้นไปที่เพื่อการแข่งไตรกีฬาเท่านั้น!! 
อีกใจก้ออยากซ้อมวิ่ง อยากวิ่ง ไม่งั้น 100โล จะไหวมั้ยเนี่ย!!  แต่แค่ตารางการซ้อมไตรในทุกๆวัน ก้อแน่นและหนักมากจนแทบไม่ไหวอยู่แล้ว!!

 โค้ช สั่งว่า ให้ซ้อมเน้นวิ่งหลังจาก แข่งChallengeเสร็จ อย่าเพิ่งวิ่งเยอะ เดี๋ยวจะแข่ง ไตร ไม่ได้ดี.. เราก้อ Ok ทำตาม!!  ผลของการซ้อมเพื่อไตร หนำทำได้ดีเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้มากมาย!! คุ้มค่าความเหนื่ิอยมาก แต่2อาทิตย์ที่ต้องแข่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขามีอาการบาดเจ็บที่น่อง... แล้วเราจะซ้อมวิ่งอย่างไรเนี่ย!!
สิ่งที่โค้ชบอกหนำก้อคือ ให้หนำซ้อมตามตารางไตร ทุกอย่างทุกวัน แต่ให้เพิ่มวิ่ง ยาวๆ ในวันจันทร์และวันศุกร์ 
ทุกวันจันทร์ ให้ วิ่งยาวๆไม่สนความเร็วเลย วิ่งช้าๆเพื่อให้วิ่งได้ยาวๆ เริ่มต้น 2ชม.ใน สัปดาห์แรกและค่อยๆปรับเพิ่มครึ่งชั่วโมง ในทุกสัปดาห์ จากตารางซ้อม หนำมีเวลา 6อาทิตย์ ก่อนแข่ง หมายความว่า อาทิตย์สุดท้าย ต้องจบด้วยการวิ่ง5ชม.  แย่แน่!! จะซ้อมวิ่งยังงัยคนเดียว5ชม. เกิดมาไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อน ว่าจะต้องซ้อมขนาดนี้ แต่เอาวะ!! สู้
ทุกวันศุกร์ ให้วิ่ง ประมาณ 20-25โล ไม่บังคับความเร็ว!!
ด้วยภาระที่เพิ่มขึ้น จากการซ้อมไตรแค่อย่างเดียวทุกวันร่างกายก้อแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว แต่นี่หนำยังตัองบังคับตัวเองให้ทำมากขึ้นทำสิ่งที่เกินขอบขีดจำกัดของร่างกาย ผลก้อคือ ช่วงนั้น performance ทุกอย่างdrop หมดอย่างเห็นได้ชัด จักรยานในวันอังคารที่เป็น easy ride ก้อขี่แทบไม่ไหว เพราะขาล้ามากจากการวิ่ง ยาวในช่วงเย็นวันจันทร์ 
ส่วน ช่วงspeed training. ไม่ว่าจะเป็นจักรยานหรือวิ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง กล้ามเนื้อขาแสนจะล้า ไม่สามารถที่จะเพิ่มความเร็วได้เลย!
มันคืออาการของ over training ที่ร่างกายมันฟ้องว่าเราใช้ร่างกายเกินขีดจำกัดแล้วนะ... แต่เป้าหมายข้างหน้าของหนำ มันมีพลังมากกว่าที่จะมาใส่ใจความเมื่อยล้าที่เป็นอยู่ No pain No gain... ถ้าไม่ทนเมื่อยตอนนี้ แข่งจริง 100โล ขาเราคงต้องเมื่อยกว่านึ้อีกหลายเท่า ทนเท่านั้น!!! 
หนำฝึกแบบนั้น ได้ทั้งหมด 3อาทิตย์ต่อเนื่อง ผลคือ ทุกวันจันทร์ ทำได้ดีที่สุดแค่ 2ชั่วโมงครึ่ง ไม่สามารถขึ้นไปถึง3ชม. ได้ ระยะมากที่สุดที่ซ้อมได้คือ 24โล!!
สองอาทิตย์หลังจากนั้น หนำต้องเข้าร่วมทริปปั่นจักรยาน กรุงเทพ-ภูเก็ต 9วัน... ก่อนหน้าที่จะปั่น1วันมีโอกาสได้ไปวิ่ง 50โล เพื่อทดสอบความพร้อม!! ผลคือ หลังจากวิ่ง 50โลแล้ว ยังรู้สึก โอเคอยู่ แรงยังเหลือ!! เอาวะ 100โล คงมีลุ้น 60-70โล น่าจะพอเอาอยู่ แล้วอีก 30โล หลังจากนั้น ค่อยว่ากัน!!
แล้ว 9วัน ของการปั่นจักรยานอย่างเดียว ก้อผ่าน แทบจะไม่มีโอกาสได้ซ้อมวื่งเลย สภาพขาหลังจากวิ่ง 50โล ก้อไม่เอื้อให้กับการซ้อมวิ่งมากนัก
อาทิตย์สุดท้ายก่อนแข่ง ได้ไปลองงานปั่นจักรยาน ผลการแข่งก้อออกมาดีอย่างไม่น่าเชื่อ คือได้ที่1 แล้วผลวิ่งล่ะ???😰

อาทิตย์ของการวิ่งมาถึง!!  ทั้งอาทิตย์งานค่อนข้างเยอะ ทำให้ไม่มีโอกาสได้ซ้อมวิ่งอีกเลย!! นัดกันกับเพื่อนๆที่จะลง100ด้วยกัน 3คน
ปรากฏว่า ทุกคนถอนตัวหมด เอางัยดีเนี่ยเรา!! เหลือเราคนเดียว ต้องวิ่ง!! กำลังใจหายไปนิดหน่อย แต่ไม่มากพอที่จะหยุดหนำจากการแข่งนี้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หนำต้องแข่งให้ได้ และ พยายามจะต้องจบให้ได้เช่นกัน 

เดินทางอย่างเหงาๆ ขับรถไปคนเดียว แต่ดีที่ไปเจอเพื่อนๆนักวิ่งที่นั่น นักข่าวสัมภาษณ์เล็กน้อย ก่อนแข่ง หนำก้อได้แต่บอกว่าไม่คาดหวังเลยว่าจะได้ที่เท่าไหร่? ในหัวมีแต่คำว่า ต้องแข่งให้จบให้ได้!! เท่านั้น!
โดยระยะและด้วยประสบการณ์ที่ผ่านการแข่งมาทั้งหมด
 70โลแรกคงไม่ใช่ปัญหาสำหรับหนำ ทำได้แน่ๆ พยายามจะวิ่ง จะไม่เดินจะเดินให้น้อยที่สุด คิดในใจแค่นั้น 30โลสุดท้าย เป็นตัวตัดสิน วางแผนการกินให้ดี วางแผนชุดและอุปกรณ์ส่องสว่างให้ครบ เพราะอาจจะต้องอยู่ถึงมืดอีกรอบ
วางแผน 🏁🎯
1) วิ่งตลอด 70โล พยายามวิ่ง อย่าใส่แรงมากเกินค่อยๆไปตามstep หลังจากนั้นยังนึกภาพไม่ออก
2)รองเท้าวิ่ง ตัดสินใจไม่เปลี่ยน ใช้คู่เดียวตลอดไม่เปลี่ยน เพราะคิดว่าคงจะชินเท้าแล้ววิ่งมาตั้ง50โล การเปลี่ยนม้าศึกกลางทาง อาจไม่เป็นผลดี
3) วางแผน อุปกรณ์ ส่องสว่างมากขึ้น หลังจากผ่านรอบแรก เพิ่มไฟฉาย และ ถ่านอีกหน่อย เผื่อต้องอยู่คนเดียวกลางป่า
4) spray ฉีด เผื่อเป็นตะคริวหรือกล้ามเนื้อปวดมาก ต้องเตรียมให้ครบ
5) วางแผนเรื่องน้ำและของกิน แข่งสิบกว่าชั่วโมงแบบนี้ อาหารละน้ำสำคัญมากๆ ต้องเติมน้ำให้พร้อม อาหาร ควรมีทั้ง คาวหวาน ผลไม้ เพราะการกินของกินซ้ำๆ ตลอด ร่างกายจะมีจุดที่ไม่รับ อาจจะอ้วกและหมดแรงได้
6) แข่งต่อเนื่อง ยิ่งนานยิ่งไม่เป็นผลดี การวิ่งไกลๆแบบนี้ ระยะไม่ธรรมดาแบบนี้ ต่อให้เดินก้อปวด วิ่งก้อปวด สรุปว่าวิ่งดีกว่า จะได้จบเร็ว การแข่งจบเท่านั้น ถึงจะช่วยให้เราหายทรมาน!!

คืนนั้นทั้งคืนพักผ่อนได้ไม่เต็มที่นัก นอนได้ไม่ถึง 5ชม. แต่สุดท้ายก้อต้องลุย มาถึงขั้นนี้แล้ว การนอนคงไม่ใช่อุปสรรค ขับรถไปตอนเช้าเนื่องจากที่พักค่อนข้างไกล ขับไปไม่ชินทาง เลยทำให้ไปถึงพอดีเวลาปล่อยตัว แต่มันหมายถึงสาย! เพราะที่จอดรถหาไม่มี ไปคนเดียวช่างลำบาก เลยต้องขอความช่วยเหลืิอจากน้องนักแข่งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน ฝากเอารถไปจอดให้ ฝากกุญแจและสมบัติทุกสิ่งไว้ หนำคว้าเป้น้ำและรองเท้าพาตัวเองไปที่จุดเริ่มต้น สายไป7นาที!!
หนำพยายามวิ่งเร็วนิดหน่อยในช่วงแรกเพราะ จำเป็นต้องตามให้เห็นหางแถวของนักวิ่ง ไล่อยู่สักพักก้อเริ่มเจอคน ค่อยอุ่นใจหน่อย! หลังจากนั้นเริ่มเข้าโปรแกรมที่วางแผนไว้ วิ่งไปเรื่อยๆ แต่เส้นทางของปีนี้ช่างโหดนัก total climb ที่มากขึ้นเป็น 2,900m ช่างไม่ธรรมดา มาเจอหน้างานแบบนี้ ต้องวางแผนกันใหม่อีกนิดหน่อย สำหรับทางที่ขึ้นไม่ชันมาก ให้วิ่งขึ้น ถ้าชันมากให้เดินเพื่อเก็บหน้าขาไว้ใช้วิ่งในช่วงท้ายๆ สำคัญคืิอโลที่ 70เป็นต้นไป!! ช่วงนี้ต้องอดทนที่จะไม่วิ่งขึ้น เพราะปกติหนำเป็นคนชอบวิ่งขึ้นเขามากๆ พยายามมองไกล ไปตามแผน อย่าไปตามใจ!!
ในช่วง 50โล แรก หนำวิ่งเกาะไปกับผญ ฮ่องกง คนนึงตัวเล็กเบา วิ่งดี ผลัดกันนำกับหนำอยู่ ไล่กันไปมา จนถึงช่วง 40โล หญิงนักวิ่งจากฮ่องกงก้อไม่ได้ขึ้นมาแซงอีกเลย!!
ผ่าน 50โล 1รอบแรก กลับมาที่จุดเริ่ม ไปตามแผน เตรียมอุปกรณ์ยังชีพสำหรับตอนกลางคืน เตรียมอาหารเพิ่ม 
ภาพที่เห็น เห็นเพื่อนนักวื่งที่เข้ามาก่อน นั่งกันอยู่นาน เหมือนไม่อยากออกแล้ว ช่วงนั้น11โมงกว่าเกือบเที่ยง อากาศกำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทำงัยดี!! เอาน่าหนำ อย่าไปมองโฟกัสกับตัวเอง ดังนั้น พัก กิน เติมน้ำ เตรียมอุปกรณ์ ยืดกล้ามเนื้อ ทั้งหมดภายในเวลาไม่เกิน 15นาที หนำก้อพาตัวเองออกจากจุดพัก

ในหัวมีแต่คำว่า อีก รอบเดียว!!

ออกมาอีกรอบ อาการยังดีอยู่ ยังวิ่งมาได้ต่อเนื่อง จนเข้าโลที่ 66 ร่างกายเริ่มฟ้องว่าอากาศร้อนมาก เริ่มหิวน้ำถี่ขึ้น วิ่ง ถึงโลที่ 72 เมื่อไหร่จะเป็นช่วงยากที่สุด ต้องไต่ไปตามแนวเขา อันตราย โดยเฉพาะเวลาที่ขาล้าขนาดหนักแบบนี้ เตือนตัวเองตลอดให้มีสมาธิและโฟกัสไว้.. ระหว่างทาง ที่ต้องวิ่งผ่านช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงถึงบ่ายสอง เป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายมากที่สุด น้ำเย็นที่พกใส่เป้น้ำ มีไว้ใช้ราดหน้าราดตัวเพื่อดับร้อน ทุกๆ500เมตร ต้องราดน้ำตลอด ร่างกายฟ้องมาเป็นอย่างแรกถึงความทรมานที่1 จากอากาศที่ร้อนระอุ น้ำในเป้หมดก่อนถึงจุดเติมน้ำ หนำต้องพยายาม ประคับประคองตัวเอง ไปให้ถึงจุด ความร้อนและภาวะขาดน้ำ เป็นอีกอุปสรรคที่เราต้องผ่านมันไปให้ได้!!
ในที่สุดหนำก้อประคองตัวเองมาถึงจุดให้น้ำ ทั้งเติมทั้งดื่มทั้งราด เพื่ิอดับร้อน แล้วก้อพาตัวเองออกต่อ สูตรเดิม ราดน้ำตลอดแต่ในอัตราที่น้อยลง เพราะกลัวน้ำหมดอีก จากจุดให้น้ำจุดที่ โลที่ 73นี้ เจ้าหน้าที่เริ่มลุ้น บอกหนำอย่างยินดีว่า น้องคนที่3 ข้างหน้ามีฝรั่งคน ยี่ปุ่นคน... เอาละสิ แต่ในใจก้อ คงไม่ไล่ดีกว่า ระยะแบบนี้การแข่งให้จบคือเป่าหมายสำคัญ
วิ่งจากจุดนั้นไปอีกประมาณ 3โล เจอนักแข่งฝรั่งที่อยู่คนแรก แต่เอ? สงสัยเค้าโดนยี่ปุ่นแซงแล้วมั้ง วิ่งจนไล่เข้ามาเทียบข้างกัน พูดคุยทักทายกัน เค้าถามหนำว่า ทำไมอยู่ยังดูสดชื่นอยู่เลย ยังวิ่งไหวเหรอ!! ใจหนำก้อไม่ค่อยไหวหรอกว่ะ แต่อดทน! หนำตอบเค้าไปว่า ไหว ไอยังวิ่งได้อีก!! เค้าตกใจเล็กน้อยแล้วบอกว่า ยูแข็งแรงและอะเมสซิ่งมาก ยูต้องชนะให้ได้นะ
หนำยิ้มๆ แล้วหันไปบอกว่า ยูก้อพยายามนะ สู้ๆ แล้วยี่ปุ่นอีกคนไปไหน?

อย่าสนใจเลย ถ้าแซงก้อดี จังหวะตัวเองสำคัญที่สุด ในภาวะร่างกายแบบนี้ โดยระยะขนาดนี้แล้วด้วย ใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที 
วิ่งได้ถึงประมาณโลที่ 75 เริ่มรู้สึกเบลอ! เริ่มรู้สึกเหมือนสมองไม่สั่งงาน ทำยังงัยดีเนี่ย พยามหาทางแก้ปัญหา ในที่สุดก้อหยิบโทรศัพท์ที่เค้าบังคับให้มีทุกคน หยิบมาโทรหาน้อง เฮ่ย! พี่เบลอแล้วว่ะ เริ่มตึงๆ เสียงจากด้านโน้นสั่งงานทันที พี่กิน กินเยอะๆ กินอะไรก้อได้ กินเข้าไป เดี๋ยวก้อดีขึ้น หนำเลยหยิบได้ ขนมเวเฟอร์ชอคโกแลตมาหนึ่งอัน เริ่มดีขึ้นเพราะหนำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ภาวะที่เราได้พูดคุยมันช่วยให้เรากลับมามีโฟกัสได้ใหม่ บวกกับขนมหวานที่ทานเข้าไป โอเค เราผ่านไปได้อีกหนึ่งด่าน!!
วิ่งเพลิน ไปอีกสักพัก ก้อให้ได้ตกใจอีกครั้ง ครั้งนี้คือผลจากการที่สายตาและสมองเริ่มล้า ไม่คิดไม่ดูเส้นทาง ทำให้หนำวิ่งหลงทางไปร่วม2โล ย้อนกลับมาอีกครั้ง จิตใจเริ่มท้อ! เพราะร่างกายเริ่มบอกว่าไม่ไหวแล้วเป็นสัญญานเตือนสุดท้ายว่ามันถึงขีดจำกัดแล้วนะ กลับเข้าเส้นทางอีกครั้ง แทบล้มทั้งที่วิ่งอยู่เพราะเหลือบไปเห็น ผญ.ฝร่ังกลับมาอยู้ข้างหน้าเราอีกครั้ง ด้วยระยะ 80โลแล้ว ร่างกายก้อถึงขีดจำกัดแล้ว คงยากที่จะแซงได้ใหม่ เรื่มท้อ ยิ่งวิ่งยิ่งไล่ ยื่งห่าง หนำก้อยิ่งหมดแรง 

ปล่อย!!! วินาทีนี้แล้วยอมเถอะ

หนำเลิกไล่กลับมาอยู่ในจังหวะของตัวเองใหม่ สิ่งที่พบคือ ผญ ฝรั่งคนนั้นเหมือนวิ่งช้าลง
หนำเข้าใกล้เค้ามากขึ้นเรื่อย จนกระทั่งแซงได้ใหม่ ที่ระยะ 88โล
ระยะตั้งแต่ 80โลขึ้นไปเป็นระยะที่ทรมานมาก เพราะร่างกาย ขาและสมองถูกดึงมาใช้จนเกลี้ยง เกินขีดจำกัดที่คนหนึ่งคนจะรับได้ ช่วงเวลาตรงนี้
พลังใจเท่านั้นที่จะพาเราก้าวข้ามทุกอุปสรรคได้
หนำพยายามบอกตัวเองตลอดว่าโอเค. ถึงเวลานับถอยหลังแล้ว
หลังจากแซงผญ ฝร่ังคนนั้นได้ ระยะทางเหลือแค่ 12โล พลังงานก๊อกสุดท้าย ถูกดึงออกมา นับถอยหลังเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วง 5โล...4..3. เข้าสู่ 3โลสุดท้าย มีรถมอเตอร์ไซด์เจ้าหน้าที่มาขับตามหลังเพื่อดูแลความปลอดภัยให้ เจ้าหน้าที่บอกกับหนำว่า น้องวิ่งชิดซ้ายหน่อย แต่ด้วยร่างกายที่เกินขีดจำกัดไปแล้ว ขาไม่ยอมฟังคำสั่ง สมองก้อไม่ยอมสั่งงาน. หนำพูดตอบไปได้แค่ว่า พี่คะ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้ขยับออกจากตรงนี้เลย ให้รถเค้าหลบเอาละกัน ตอนนี้สิ่งสุดท้ายที่สมองสั่งให้ขาไปต่อได้คือการไปที่โคมไฟและเสียงประกาศ ที่เห็นอยู่ด้านหน้าและได้ยินใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุด ภารกิจ ก้อเสร็จสมบูรณ์ เย้!!! หนำทำได้ เราทำได้แล้ว
เสียงพิธีกรประกาศซ้ำ ว่า first place woman overall คุณน้ำเพชร Congratulation.. ไม่น่าเชื่อว่านอกจากหนำจะทำสำเร็จแล้ว หนำยังได้ชัยชนะจากการแข่งครั้งนี้อีกด้วย ผู้หญิงไทยคนแรกและคนเดียวที่ชนะในการแข่งขันวิ่ง 100โล ก้าวผ่านทุกอุปสรรค ทุกข้อจำกัด จนได้รับชัยชนะที่แสนจะภูมิใจนี้่
ที่สุดของความมุ่งมั่น ที่สุดของความทุ่มเท ที่สุดของความพยายาม รางวัลคือเครื่องมืือพิสูจน์ให้เห็นถึงชัยชนะ แต่ความปลาบปลื้ม ความรู้สึกที่ได้ก้าวผ่านและเอาชนะทุกอุปสรรคตลอดระยะเวลาร่วม 13ชม และ 102โล ของหนำ มันสมบูรณ์แบบและน่าจดจำไปอีกนานแสนนาน 😘😎

วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Road To Kona... My 1st Ironman... (2/3)


 ยินดีด้วยกับใครที่เชียร์German แต่ Argentina ก้อสู้เต็มที่นะคะ ไม่ผิดหวังจริงๆ!!! 


Road To Kona... My 1st Ironman... (2/3)
เส้นทางสู่ Ironman Kona, Hawaii.. 
กับประสบการณ์การแข่งIronman ครั้งแรก!! 🎊

"ผลของการไม่ซ้อม " ขี่จนอยากร้องไห้ 
ไม่เอาอีกแล้ว ทำไม ไม่ยอมซ้อมวะ อยากเลิก อยากเลิกไม่อยากปั่นแล้ว ใครก้อได้ช่วยมาเอาจักรยานชั้นไปขี่ที" 🚴


ถึงวันแข่งมีพี่ๆ คนไทยรุ่นนั้นอยู่อีก 7คน พี่ไก่ พี่มั่น พี่โก้ พี่วีระ พี่ต้อม พี่สุวิทย์ พี่ไอโบ้ รวมเราเป็น 8คน มีแต่ฝรั่งตัวใหญ่ๆที่ดูแข็งแรงมากๆอยู่เต็มไปหมด แล้วกระเหรี่ยงหน้าจีนอย่างเราจะไหวมั้ยเนี่ย!! 

ไม่รู้ว่าจะเจออารัยบ้างในไม่กี่อึดใจข้างหน้า ใจก้อคงได้แหละน่า เอาน่า!! เราไปแบบเรานี่แหละขอแค่จบ ไม่ต้องเร็วก้อได้!! 

เสียงปืนดังเป็นสัญญาณปล่อยตัว เราก้อลงว่ายไม่รู้เรื่อง wet suitเลย เค้าบอกให้ใส่ก้อใส่ วิธีใส่ก้อถามๆเค้ามา เอาวะ!! เค้าใส่กันเราใส่เถอะ 

ตอนออกตัว มันน่ากลัวมากคนเต็มไปหมดเลย แล้วชั้นจะไปแทรกลงตรงไหนดีเนี่ย นี่ขนาดเค้าให้ปล่อยตัวตามเวลาที่เราคาดว่าจะว่ายจบ แต่ก้อยังคนเยอะอยู่ดี เอาวะว่ายก้อว่าย ออกตัวไปพร้อมฝูงคน ทั้งมือทั้งเท้า เต็มไปหมด เจ็บนะโว้ย ร้องบอกในใจ 
แต่ก้อแค่พักเดียวมือเท้าหายหมด เหมือนเราว่ายในสระแล้ว ค่อยสงบหน่อย "เอาละหนำ" ว่ายได้ เราก้อว่ายไปเรื่อยๆรู้ตัวอีกที มีเรือแคนูมาอยู่ข้างๆด้วย ว้าววว โชคดีจังเลยเรา

ไม่ต้องเล็งทุ่นละ ชั้นว่ายตามเรือไปนี่แหละ ว่ายวนผ่านรอบแรก เอ๊ะ!!! เหมือนมีฝูงอะไรมาว่ายผ่านเราไป แต่ก้อยังไม่สนใจว่ายตามเรือต่อไป (มองฝูงคนที่ว่ายมาน็อครอบไม่เห็น เพราะหันขวาได้ข้างเดียว)...ว่ายประมาณว่ามีแต่ชั้นกับคนพายแคนูที่คอยลุ้นอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ อย่างน้อยก้อทำให้เราอุ่นใจวะ ว่าชั้นไม่หลงแน่ๆ ครบ2รอบละ. !!! เอ่อ!!! ขึ้นมาถึงรู้ว่าสาเหตุของความโชคดีคืออะไร 😅
เหลือคนว่ายอยู่ในครอสอีกนิดเดียว ทุกคนที่เหลือ มีเรือเป็นเพื่อนทุกคน!!! ทั้งๆที่เวลาว่ายน้ำเรา 1.33hr เราก้อว่าเราว่ายไม่ช้าน้าาา
เอาวะไม่สนใจไปขี่จักรยานดีกว่า 😎

เริ่มต้นขี่จักรยานโอ้โห สนุกมาก เร็วเหมือนกันนะเรา สนุกจัง บอกแล้วว่าไม่ต้องซ้อม!!! ปั่นได้ไม่นาน...ความสนุกหยุดอยู่แค่ 40โลแรก หลังจากนั้น ทำมัยมันเมื่อยขนาดนี้เนี่ย แรงเหมือนจะหมด ขาเราไม่มีแรงเล้ยยย (ไม่รู้ว่าหลังว่ายน้ำแล้วมันมีผลกับการปั่น) แล้วชั้นจะปั่นยังงัยดีล่ะเนี่ย!!! เอาน่า เราก้อแข็งแรงพอน่าค่อยๆไป เตือนตัวเองอย่างนั้น...
ตาเริ่มสอดส่อง


สังเกตุคนแข่งคนอื่น เค้าทำอะไรกันบ้าง อ้อ!!! มีรับของกินด้วย ลองดูบ้างดีกว่าถึง aid station ลองทานอย่างอื่นนอกจากน้ำบ้าง อาการเหมือนจะดีขึ้น เริ่มมีแรงปั่น แต่ก้อยังไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะของที่เรากิน ความทรมานอย่างที่สุดมาเมื่อตอน 140โล แรงเริ่มไม่มีละขาก้อไม่อยากขี่ ลงจากจักรยานก้อไม่ได้ หลังก้อโคตรปวด คอก้อเมื่อยสุดๆ (สมัยนั้นเพ่ิงลองใช้รองเท้าจักรยาน ยังถอด-ใส่ ไม่คล่อง เลยไม่กล้าถอดกลัวล้ม) ทำงัยดีวะเนี่ย เหลืออีกตั้ง เกือบ40โล... ทรมานสุดๆ 
จำได้แม่นเลยว่าขี่ความเร็วอยู่ที่ 17-18km/hr ขี่จนอยากร้องไห้ 
ไม่เอาอีกแล้ว ทำไม ไม่ยอมซ้อมวะ อยากเลิก อยากเลิกไม่อยากปั่นแล้ว ใครก้อได้ช่วยมาเอาจักรยานชั้นไปขี่ที 

ได้แต่คิดแล้วก้อกัดฟันมาจนถึงจบ 180โล
ถึงจุดคืนจักรยานแทบล้มทั้งยืน หน้าซีด หมดแรง อยากเลิกแล้ว ค่อยๆประคองตัวไปที่transition อีกครั้ง รวมเวลาปั่น 7:45hr. 

นั่งพักใน transition ไม่รู้นานแค่ไหน รู้แต่ขออยู่เฉยๆก่อน ใครก้ออย่ามายุ่งกับชั้น 
แม้แต่ตอนนี้อย่าให้ชั้นต้องนึกภาษาอังกฤษเลย สมองชั้นไม่ทำงานแล้ว 


แต่ในใจก้อเอาวะ วิ่งของถนัด 📌ออกไปวิ่งดีกว่า เหลือเราคนสุดท้ายละ พี่ๆเค้าไปกันหมดละ ต้องพยายาม!!

Road To Kona... My 1st Ironman (Part1/3)


Road To Kona... My 1st Ironman (Part1/3)
เส้นทางสู่ Ironman WorldChampionship Kona, Hawaii.. 
กับประสบการณ์การแข่งIronman ครั้งแรก!! 🎊

"เทียบใน3อย่างนี่ จักรยานนี่ แย่ที่สุด ซ้อมครั้งไหนได้avgถึง20km/hr นี่ดีใจสุดๆ ไม่เคยชอบปั่นจักรยานเล้ยยยย"

ปูพื้นฐานกันเล็กน้อย เผื่อใคร งงๆ กับคำว่า Ironman มันคือ การแข่งขันไตรกีฬาระยะไกลมากๆ ว่ายน้ำ 3.8km + จักรยาน 180km + วิ่ง 42km ทั้งหมดนี้คือการทำอย่างต่อเนื่องตามลำดับ และภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งส่วนใหญ่ จะให้เวลาที่ 15-17ชั่วโมง แล้วแต่สนาม
และ
Kona คือสนามท่ีไม่สามารถสมัครได้ สนามIronman World Championship ท่ี Kona, Hawaii ต้อง qualify, ซ้ือ lottery, หรือผ่าน Ironman Legacy Program (คัดเลือกจากผู้ที่จบ Ironman อย่างน้อย 12ครั้งขึ้นไป)

บนเส้นทางสู่ Kona ...นับย้อนหลังไป8ปีที่แล้วเลย แต่เป็นประสบการณ์ที่จำได้ไม่มีวันลืมเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักปีที่แล้วเอง
แรงบันดาลใจของการแข่งคือเผอิญได้ดูทีวี เห็นการแข่งที่เรียกว่า Ironman เห็นระยะที่เค้าจัดแข่งแล้ว ต้องร้องโอ้โห อยากลองแข่งอย่างน้อยซักครั้งในชีวิตคงจะดี!!! อารมณ์คงเหมือนๆกับใครที่อยากลองเล่นไตรกีฬาเป็นครั้งแรก 

แต่เมื่อดูสภาพตัวเอง
ณ. ตอนนั้นมีลงแข่งก้อเต็มที่แต่ระยะโอลิมปิค เพิ่งเริ่มเล่นไตรกีฬากับเพื่อนกุ๊กคู่หู (อดีตIronmanหญิงคนที่2ของไทย) ได้ซักปี ลงแข่ง บางปู 1ครั้ง แม่น้ำโขงอีก1ครั้ง แต่วิ่งอย่างเดียวมาได้ 2ปี ลงระยะมาราธอนมาประมาณหลายครั้งละ แล้วถ้าอยากแข่งIronmanต้องทำงัยหว่า??? 
ถ้าสมัยนั้นมี search engine ที่เจ๋งแบบนี้หรือ มีYouTube เราคงสบายเลย!!

นับว่าเป็นความโชคดีหรือยังงัยไม่ทราบ... หนำไปวิ่งฮาล์ฟที่สัตหีบ เพื่อนกุ๊กได้เผอิญไปเจอพี่ๆกลุ่มIronman. มีโอกาสได้พูดคุยกันแล้วเลยรู้ว่าพี่ๆกลุ่มนี้ผ่่านการแข่งมาแล้ว...
โอ้!!โชคดีจังเลยเรา...เพื่อนกุ๊กเลยบอกพี่ๆเค้า ว่า เพื่อนมันอยากลองแข่ง มันบอกครั้งหนึ่งในชีวิต!!! (ซึ่งตอนนั้นไม่มีโอกาสรู้เลยว่า มันไม่ใช่แค่หนึ่งซะแล้ว 555)
การแข่งIronman สำหรับคนแข่งครั้งแรก
ต้องลงสมัคร แข่งที่ Laguna Phuket Triathlon ก่อนเพื่อ qualifiedสมัครironman แรกได้ เป็นข้อมูลแรกที่ได้รับ โอเค!!!ปีนั้นสมัครแข่ง LPTปลายปี2004 แข่งเสร็จสมัคร Ironman Forster Australia เลยเพื่อลงแข่งปี 2005 มีเวลาซ้อมทั้งหมดประมาณ 3เดือน ในใจคิดว่าไม่ซ้อมหรอก แข่งเลยดีกว่า ขี้เกียจซ้อม ณ ตอนนั้น ว่ายน้ำไม่เคยเกิน 1,500 ปั่นน่ะรึ? 55k ระยะ Laguna นี่ถือว่ายาวสุดในชีวิตแล้ว แต่ วิ่งนี่ไม่เคยกลัว เราว่ิงมาราธอนตลอดนิ ไม่เคยรู้ว่าว่าย 3.8k + ปั่น 180km นี่มันขนาดไหน แต่ในใจคิดว่าคงได้ล่ะน่า... มองโลกดีเกินไปตลอด!!! 

จนกระทั่งเดินทาง การซ้อมจบลงได้แค่ ว่าย 2.8k (ปวดหลังมากไม่ว่ายละ พอกันที) ปั่น 135km (ทรมานอ่ะ มันปวดไปหมดแล้วนะ พอ พอ พอ!!) เราก้อไม่เอาแล้วงอแงยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เทียบใน3อย่างนี่ จักรยานนี่ แย่ที่สุด ซ้อมครั้งไหนได้ avgถึง20km/hr นี่ดีใจสุดๆ ไม่เคยชอบปั่นจักรยานเล้ยยยย

วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Columbia trail : บทเรียนที่1: จาก DNF ในงานColumbia Trail..


บทเรียนที่1: จาก DNF ในงานColumbia Trail..

"วันนี้ อาจไม่ใช่วันที่ดีที่สุดของหนำ สำหรับ การแข่งขัน แต่ มันเป็นวันที่ดีที่สุด สำหรับ ultra marathoner อย่างหนำ!!"😘

งานColumbia Trail ที่แก่งกระจานคราวนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นมากๆ จากจำนวนผู้เข้าแข่งขันก้อดี จำนวนกองเชียร์ก้อดี การจัดงานก้อดี แสดงให้เห็นว่า การวิ่งเทรลในบ้านเราตอนนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างสูง!!!

หนำเองก้อเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันกับงานนี้เช่นเดียวกัน กับ ระยะ 50km ที่เป็ยระยะถนัดของหนำอยู่แล้ว.. ซึ่งใจก้อคิดว่าคงไม่มีปัญหา แต่อีกใจที่ลังเล คือ อาการบาดเจ็บที่ ส้นเท้าขวา และเอ็นร้อยหวายที่ข้อเท้าซ้าย... มันน่าจะไหว ใจคิดเช่นนั้นตลอด แต่...ตั้งแต่บาดเจ็บข้อเท้าพลิกจากงานแข่งAdventure ที่เมืองกาญน์ 
รวมถึงเอ็นร้อยหวายและส้นเท้า ทำให้หนำต้องหยุดวิ่งไป2อาทิตย์เต็ม เริ่มกลับมาซ้อม ก่อนหน้านี้ซัก2สัปดาห์ ก้อยังไม่ดีขึ้น จากคนวิ่ง pace 5-6mins/km กลายเป็นคนวิ่ง pace 8-10mins/km ใจก้อได้แต่ภาวนาขอให้ชั้นหายวิ่งได้ด้วยเถิด...
นอกจากอาการบาดเจ็บที่ไม่รู้จะส่งผลตอนไหน... ต่อด้วยความคะนอง 
       มาก่อนซ้อมก่อน
หนำเดินทางมาถึงวันศุกร์บ่ายๆ เย็นนั้นไม่รู้จะทำอะไร เลยเอาจักรยานคู่ชีพ ออกปั่นไปชมวิวเขื่อน loop ใหญ่ๆ ได้ระยะ 50k ก้อพอดีกลับมาถึงที่พัก
 เช้าวันเสาร์...  เอาน่าทางสวย.. ออกซ้อมปั่นอีกสักวันคงดี.. วันนี้เวลาเยอะ เราปั่นสัก 80-90โล น่าจะได้...
วันนั้น จบวันด้วยการปั่น 110k แบบครบทุกรสชาติ... ทั้ง ขึ้นเขา ลงเขา rolling ต้านลม ตามลม ช้า เร็ว มีหมดครบทุกสิ่ง... 
ใจเริ่มกังวลละ แล้ว 50โล พรุ่งนึ้ จะสภาพไหนเนี่ยชั้น!!! เอาน่า... ลองดู น่าจะได้...
  เช้าวันแข่ง... ตื่นนอนได้ตามปกติ ไม่เลทไม่สาย เพราะมีเพื่อนๆ คอยเตือนตลอด...😅😅
 เสียงสัญญานปล่อยตัวดังขึ้น🎉🎐...
หนำพุ่งออกไปอย่างเร็ว เหมือนอาการปวดเมื่อยบาดเจ็บจะหายหมด!! ใจก้อเริ่มยิ้มๆ น่าจะรอด แบบทรมานหน่อย น่าจะเอาอยู่...
ผ่าน5โลและ10โลแรกอย่างเร็ว... หลังจากเข้าโลที่12ขาเริ่มล้า อาการเมื่อยล้าจากการซ้อมก่อนหน้าเริ่มส่งผล... ใจก้อ... เอาน่าเรา.. น่าจะได้ คิดซะว่า วิ่งหลังจากปั่น 180โล .. อาการเมื่อยล้า เหมือนจะไม่ส่งผลมากเท่าอาการบาดเจ็บที่ส้นเท้าและเอ็นร้อยหวาย ทุกๆก้าว ที่ลงน้ำหนัก ทุกๆย่ำที่ก้าวไปข้างหน้า มันแปล๊บๆอย่างบอกไม่ถูก... ทั้งหยุดยืดเส้น ทั้งเดิน ก้อไม่ได้ช่วยส่งผลให้อาการดีขึ้น.. ตรงกันข้าม พื้นรองเท้าที่เคยนิ่ม กลับ แข็งขึ้นมาอย่างประหลาด นี่รองเท้าเราเสื่อมสภาพรึอย่างไร คู่นี้เพิ่งใช้วิ่งไม่กี้ครั้งเองนะ!!!
   ผ่านรอบแรก เพื่อวิ่งต่อรอบ2 อย่าลังเล!! เอาตัวออกไปให้ได้ คิดซะว่า วิ่งอีกรอบเดียวเดี๋ยวก้อจบ!!!  
วิ่งออกไปได้แค่ 2โล ใจที่เด็ดเดี่ยวเริ่มลังเล และลังเลหนักขึ้นเมื่อข้อเท้าซ้ายพลิกซ้ำอีกรอบ... ความเร็วเริ่มลดลง ใจก้อเริ่มคิด ส้นเท้า เอ็นร้อยหวาย เจ็บปวดมากจนไม่อยากจะก้าวเท้าต่อละ
 ☔⚡ พอ!!! ยอม!!! วันนี้คงไม่ใช่วันของเรา... ยอมเถอะ!!...

ในที่สุดเส้นทางสาย 50โล ของหนำ จบลงได้แค่ 33โล... 
แต่เป็น...33โลที่หนำปลาบปลื้มที่สุด เพราะตลอดทาง 4โลที่วิ่งย้อนกลับมาที่จุดสตาร์ท ได้พบเพื่อนๆ ultrarunner หลายคน ที่มีจุดมุ่งหมายเหมือนเรา 
บางคนอาจจะไม่ได้เร็วมาก 
บางคนอาจจะเดินๆวิ่งๆ 
บางคนที่ดูไม่ได้เหมืิอนเป็นนักกีฬาเลย
แต่ทุกคนมีฝัน ฝันที่จะต้องพิชิตให้ได้ 
หนำได้รับกำลังใจจากทุกๆคน 
หนำให้กำลังใจทุกๆคน
 มิตรภาพ และความรู้สึกอบอุ่น ของคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน... ขอบคุณนักวิ่ง Ultra Runners ทั้งหลาย ที่ช่วยจุดไฟในตัวหนำ ให้ปะทุขึ้นใหม่🌷🍁🌹

วันนี้ อาจไม่ใช่วันที่ดีที่สุดของหนำ สำหรับ การแข่งขัน แต่ มันเป็นวันที่ดีที่สุด สำหรับ ultra marathoner อย่างหนำ!!

เอาใจช่วยทุกๆ ฝัน ของทุกๆคนนะคะ จะระยะ 10,25, 50, 100โลหรืิอ 100ไมล์ เราฝันกันได้ และก้อทำให้มันเป็นจริงได้ค่ะ!!! ขอบคุณนักวิ่งทุกๆคนนะคะ สำหรับกำลังใจและความรู้สึกดีๆค่ะ 😍😘😄